ปัญหา ‘คนเหงาในเมืองใหญ่’ แก้ได้ด้วยพื้นที่กิจกรรมกลางกรุง

Economic News

ในเมืองที่เต็มไปด้วยตึกสูงเสียดฟ้า เส้นรถไฟฟ้าสายซ้อนสาย ผู้คนแต่งตัวสวยเฉียบเดินเร็วสวนกันไปมาอย่างไม่เหลียวมอง…ใครจะคิดว่า “ความเหงา” จะกลายเป็นความรู้สึกที่เบ่งบานที่สุดในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ถึงแม้จะเต็มไปด้วยคาเฟ่สุดชิค ร้านอาหารเปิดใหม่แทบทุกสัปดาห์ หรือห้างสรรพสินค้าขนาดมหึมา แต่คนเมืองกลับรายล้อมด้วยความเปล่าเปลี่ยวท่ามกลางฝูงชน…ทว่า ปัญหานี้อาจแก้ได้ด้วยการมี  “พื้นที่กิจกรรมกลางกรุง

‘ความเหงา’ ที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ลำพัง
ความเหงาไม่ใช่เรื่องแปลกในเมืองหลวง มันเป็นภาวะที่เกิดจากความรู้สึกขาดการเชื่อมต่อทางใจ แม้จะมีคนอยู่รอบตัว แต่กลับไม่มีใครที่พูดคุยด้วยจริง ๆ ไม่มีใครที่ฟังอย่างตั้งใจ หรือไม่มีพื้นที่ให้เปิดใจโดยไม่ถูกตัดสิน ยิ่งในกรุงเทพฯ ที่ชีวิตของผู้คนเร่งรีบและเต็มไปด้วยความกดดันจากงานหรือครอบครัว บางครั้งแค่การได้เจอหน้ากันก็ยังกลายเป็นเรื่องหรู

พื้นที่กิจกรรมกลางกรุง: พื้นที่ทางกายเพื่อเติมเต็มพื้นที่ทางใจ
สิ่งที่น่าสนใจคือ “ความเหงา” ไม่ได้ต้องการการแก้ด้วยการมีแฟนหรือหาคนรักเสมอไป หากแต่อาจแก้ได้ด้วยการมี “พื้นที่” ที่เปิดโอกาสให้คนออกมาเจอกัน พูดคุยกัน หรืออย่างน้อยก็ได้แบ่งปันประสบการณ์บางอย่างร่วมกันโดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกันมาก่อน

พื้นที่กิจกรรมกลางกรุง ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะ พื้นที่จัดเวิร์กช็อป หรือตลาดนัดในชุมชน ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการเชื่อมโยงคนเข้าด้วยกัน ไม่ใช่ในฐานะผู้บริโภคที่ต้องซื้อของ แต่ในฐานะ “มนุษย์” ที่มีกลิ่นเหงาเหมือนกัน

ลองนึกภาพเวิร์กช็อปวาดรูปที่สวนเบญจกิติ หรือกิจกรรมเต้นกลางแจ้งที่สวนลุมฯ ที่ใครก็สามารถเข้าร่วมได้ฟรี ไม่ต้องเก่ง ไม่ต้องมีทักษะ เพียงแค่เปิดใจและยิ้มให้กัน เท่านี้การใช้ชีวิตในเมืองก็ดูเบาขึ้นกว่าเดิมมาก

บางกอกไม่จำเป็นต้องเป็นเมืองเหงา หากเราจัดพื้นที่ให้หัวใจได้พัก
กรุงเทพฯ มีโครงการใหม่ ๆ มากมายที่พยายามสร้างพื้นที่กิจกรรมกลางกรุงที่ตอบโจทย์คนเมือง เช่น โครงการ “สวนลอยฟ้าเจ้าพระยา” ที่ดัดแปลงโครงสร้างสะพานเก่าให้กลายเป็นสวนสาธารณะยาวกว่า 280 เมตร เชื่อมคนฝั่งพระนครกับฝั่งธนฯ ผ่านพื้นที่สีเขียวใจกลางเมือง หรือ “ลิโด้ คอนเน็คต์” ที่ผสมผสานระหว่างพื้นที่สร้างสรรค์ ศิลปะ การแสดง และมุมอ่านหนังสือให้เป็นจุดนัดพบของผู้คนที่รักในสิ่งคล้ายกัน
ไม่ต้องเป็นงานใหญ่ ไม่ต้องมีธีมเก๋ไก๋เสมอไป แค่มีพื้นที่กิจกรรมกลางกรุงที่เรารู้สึกว่ามีคนพร้อมจะพูดคุยโดยไม่ตัดสิน แค่พื้นที่ที่เราสามารถวาดภาพ ทำงานฝีมือ หรือเต้นออกกำลังโดยไม่รู้สึกอาย ก็เพียงพอที่จะให้ความเหงาค่อย ๆ จางหายไป

ความเหงาคือเรื่องของโครงสร้างเมืองพอ ๆ กับเรื่องของใจ
ถ้าเรามองความเหงาเป็นเรื่องของสภาวะที่เกิดจากการไม่มีพื้นที่ปลอดภัยให้คนได้เป็นตัวของตัวเอง เมืองใหญ่อย่างกรุงเทพฯ ก็มีหน้าที่ต้องออกแบบ “พื้นที่ระหว่างกัน” ให้มากกว่าแค่ถนนหนทางหรือสถานีรถไฟฟ้า พื้นที่กิจกรรมกลางกรุงจึงไม่ใช่แค่ทางออกของความเหงา แต่คือพื้นที่ที่ช่วยรักษาความเป็นมนุษย์ของเราท่ามกลางเมืองที่หมุนเร็วเกินไป

เพราะบางทีการได้เดินไปเจอใครสักคนที่กำลังร้อยลูกปัดอยู่ข้าง ๆ กันโดยไม่พูดอะไร อาจช่วยให้หัวใจของเรารู้สึกว่า “เรายังมีที่อยู่” ในเมืองที่เต็มไปด้วยคนแต่ขาดพื้นที่เชื่อมโยงทางใจ

Tagged