บริษัท วันไทยอุตสาหกรรมการอาหาร จำกัด ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปชั้นนำในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ “ยำยำ” ที่ยืนหยัดเติบโตเคียงคู่สังคมไทยมาอย่างยาวนาน และในโอกาสครบรอบ 50 ปี ในปี 2564 นี้ ด้วยเป้าหมายใหญ่ขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตแบบยั่งยืน ขยายฐานผู้บริโภคที่ต้องการดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อสร้างประสบการณ์ “อยากทานยำยำอีกครั้ง”
ในโอกาสครบรอบ 50 ปี นายยูจิ มิซุตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ได้ประกาศวิสัยทัศน์และพันธกิจใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของกลุ่มบริษัทอายิโนะโมะโต๊ะ เพื่อขับเคลื่อนองค์กรและธุรกิจไปสู่โลกแห่งการเปลี่ยนแปลงในอนาคต “เรามีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นบริษัทที่มุ่งมั่นเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและสร้างสังคมแห่งความยั่งยืนทั่วโลก และมีพันธกิจที่จะส่งมอบมื้ออาหารพร้อมรับประทานที่อร่อยและดีต่อสุขภาพ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และมีคุณค่าทางโภชนาการที่เพิ่มขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยเพื่อสร้างประสบการณ์ “อยากทานยำยำอีกครั้ง”
“ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันที่ปรับตัวไปตามเหตุปัจจัยต่างๆ ตลอดเวลา ทั้งทางเศรษฐกิจ และสังคม ผู้คนต้องใช้ชีวิตอย่างเร่งรีบ นอกจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปที่เป็นหนึ่งในอาหารคู่บ้าน คู่ครัวแล้ว ยังหันไปพึ่งพาความหลากหลายในการเลือกบริโภคและการให้บริการที่สะดวกรวดเร็วมากขึ้น อาทิ บริการส่งอาหาร (Food Delivery) แค่เปิดสมาร์ทโฟน เราก็สามารถสั่งอาหารร้านโปรดผ่านแอพพลิเคชั่น ให้ส่งตรงมาถึงหน้าประตูบ้าน หรือที่ทำงานได้ภายในเวลาไม่กี่นาที รวมไปถึงบริโภคอาหารที่วางขายอยู่ใน “ร้านสะดวกซื้อ” ไม่ว่าจะเป็น อาหารแช่แข็ง (Frozen Food) อาหารพร้อมทาน (Ready-To-Eat) ที่มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ดังนั้นบริษัทฯ ต้องปรับตัว ปรับกลยุทธ์ ขยายช่องทางการจัดจำหน่าย อยู่ตลอดเวลาเพื่อรับมือกับภาวะการแข่งขันสูงในตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เพื่อรักษาฐานลูกค้า และสร้างการเติบโตของธุรกิจให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้ เช่น การสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ที่ เว็บไซต์ www.ajinomoto.com แพลตฟอร์ม อี-คอมเมิร์ซ ช้อปปี้ (Shopee), ลาซาด้า (Lazada) แอพพลิเคชั่นไลน์ @iloveyumyum และเพจเฟซบุ๊ค I Love Yum Yum” นายยูจิ มิซุตะ กล่าว
นายยูจิ มิซุตะ ยังได้กล่าวเพิ่มเติมอีกว่า “จากการระบาดของ โควิด-19 ตั้งแต่ช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2562 จนถึงปัจจุบัน เรายังเชื่อมั่นว่าตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในประเทศไทยยังมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีท่ามกลางวิกฤติ เนื่องจากประชาชนได้รับผลกระทบ จึงมีความต้องการสินค้าราคาประหยัดเพื่อใช้ในการบริโภค จากแนวโน้มดังกล่าว ด้านการผลิต บริษัทฯ ยังคงเตรียมความพร้อมและเร่งกำลังการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคทั้งตลาดภายในและตลาดต่างประเทศที่ยังคงมีการเฝ้าระวัง ประชาชนยังต้องอยู่บ้านเพื่อหยุดการแพร่กระจาย ธุรกิจขายอาหารยังเปิดให้บริการได้ไม่เต็มที่ ผู้คนต้องซื้ออาหารแห้งมาตุนไว้ รวมถึงปัจจัยอื่นๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้น”
นอกเหนือจากการทำธุรกิจ บริษัทฯ ยังมีโครงการแบ่งปันและช่วยเหลือสังคมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวิกฤต นับตั้งแต่ปี 2563 ที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับโควิด-19 มาจนถึงปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็น แคมเปญ “ยำยำ ส่งยิ้ม” ที่เชิญชวนพนักงานและประชาชนโพสต์รูปรอยยิ้มส่งต่อกำลังใจ และความอิ่มอร่อย ให้กับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media) ซึ่งทุก 1 รอยยิ้มที่ร่วมกิจกรรม จะมีมูลค่า 20 บาท ทางบริษัทฯ ได้มอบเงินจากกิจกรรมและผลิตภัณฑ์ ยำยำ มูลค่ารวม 2 แสนบาท ให้แก่ มูลนิธิกระจกเงาและมูลนิธิสวนแก้ว และในปีนี้ วันเกิดบริษัทครบรอบ 50 ปี เราได้ส่งมอบผลิตภัณฑ์ “ยำยำ” สูตรเด็ดรสทะเลผัดฉ่า รวมถึงผลิตภัณฑ์ยำยำจัมโบ้ และยำยำคัพให้แก่องค์กร มูลนิธิเพื่อการกุศล โรงพยาบาล บุคลากรทางการแพทย์ และประชาชนที่มารอรับบริการตามจุดฉีดวัคซีนทั่วประเทศ ตั้งแต่ 7 มิถุนายน และจะยังคงเดินหน้าส่งมอบกำลังใจและความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง รวมมูลค่ากว่า 5 ล้านบาท
“ยำยำ” มีผลิตภัณฑ์ 4 รูปแบบ ที่วางจำหน่ายในปัจจุบัน คือ
- “ยำยำ สูตรเด็ด” ซึ่งเจาะกลุ่มพรีเมียมแมส (Premium Mass)
- รูปแบบซองหรือ “ยำยำ จัมโบ้”
- รูปแบบถ้วยหรือ “ยำยำ คัพ”
- “ยำยำ ช้างน้อย” ซึ่งเป็นบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสำหรับเด็กตัวแรกของไทย
โดยมีสัดส่วนการวางจำหน่ายในประเทศ 75% และต่างประเทศ 25% โดยตลาดในประเทศ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบซองมีสัดส่วนยอดขาย 82% แบบถ้วย 5% และ ยำยำช้างน้อย 13% นายยูจิ มิซุตะ กล่าวสรุป