BANPU เตรียมโชว์ผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ออกมาสดใส เหตุโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในจีนเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาไตรมาส 3 ปีนี้ ขณะที่ราคาหุ้น BANPU ต่ำกว่าบุ๊คแวลู ปัจจุบันอยู่ที่ 15.15 บาทต่อหุ้น แถมพีอี ยังต่ำอยู่ที่ 12.83 เท่า เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ให้เป้าพื้นฐาน 16.10 บาท
แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์รายหนึ่งเปิดเผยว่า การที่ราคาหุ้น บมจ.บ้านปู (BANPU) ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องมาหลายวัน โดยเฉพาะวานนี้ (9 ต.ค.62) ราคาหุ้น BANPU ปรับตัวขึ้น 7.26% ด้วยปริมาณการซื้อขายหนาแน่น อาจเกิดจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบการไตรมาส 3 ปีนี้ ที่คาดว่าจะออกมาดี ด้วยที่ผ่านมา
นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เคยให้ข่าวบริษัท บ้านปู เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) (“BPP”) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยนั้น ได้มีการได้ลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้วเพิ่มเติมอีก 1 โครงการ ในประเทศจีน ผ่านบริษัท BPP Renewable Investment Co., Ltd ซึ่ง BPP ถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 100 โดยโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Jixin มีกำลังการผลิต 25.22 เมกะวัตต์ ณ มณฑลเจียงซู ประเทศจีน มูลค่าการลงทุน 189.15 ล้านหยวน อัตรารับซื้อไฟฟ้า (FIT) ที่ราคา 1 หยวนต่อกิโลวัตต์ชั่วโมง ทั้งนี้ BPP จะรับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าดังกล่าวในไตรมาส 3 ปี 2562 จึงทำให้ปัจจุบัน BPP มีโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศจีน จำนวนทั้งสิ้นรวม 7 โครงการ และมีกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมทั้งหมด 177.32 เมกะวัตต์
ทั้งนี้ในแง่พื้นฐานของราคาหุ้น BANPU ถือว่ามีความน่าสนใจ เพราะพีอียังอยู่ที่ 12.83 เท่า ประกอบกับราคาหุ้นBANPU ยังต่ำกว่าพื้นฐาน สะท้อนได้จากมูลค่าหุ้นทางบัญชี ปัจจุบันอยู่ที่15.15 บาทต่อหุ้น โดยราคาหุ้นBANPU วานนี้ปิดที่ 13.30บาท เพิ่มขึ้น 0.90 บาท คิดเป็น 7.26% มูลค่าการซื้อขาย 2,283.53 ล้านบาท
ก่อนหน้านี้ นางสมฤดี ชัยมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เคยเปิดเผยว่า บริษัทฯคาดว่าผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 2562 จะดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมา เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ โดยบริษัทฯคาดว่าดีมานด์จะเพิ่มขึ้นถึง 3% และมีซัพพลายลดลง ส่งผลให้มีปริมาณการขายถ่านหินปรับตัวดีขึ้นกว่าครึ่งปีแรกที่มีปริมาณการขายลดลงถึง 2 ล้านตัน หรือทำได้ 21-22 ล้านตัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้อีกทั้ง บริษัทฯ คาดการณ์ว่าราคาถ่านหินจะปรับตัวดีขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน(อ้างอิง จากดัชนี นิวคาสเซิล ) หลังจากที่ไตรมาส2/2562 ปรับตัวลดลงไปอยู่ที่ 67 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน โดยได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว
ขณะที่บริษัทฯยังคงเป้าปริมาณการขายถ่านหินปี 2562 ไว้ที่ประมาณ 47 – 48 ล้านตัน หรือเพิ่มขึ้น 2 ล้านตันจากปี 2561 ที่บริษัทฯทำได้ 45 ล้านตัน จากความต้องการใช้ถ่านหินในออสเตรเลียที่คาดว่าจะสูงขึ้น
บทวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า เรามองเห็น Downside ของผลประกอบการ FY2562 ของBANPU จากธุรกิจถ่านหินที่อ่อนแอกว่าคาด โดยผลประกอบการปกติ 1H62 (ตาม MD&A) คิดเป็น 30.7% ของประมาณการ เราอาจพิจารณาทบทวนประมาณการ ภายหลังได้รับข้อมูลเพิ่มเติม เชิงปัจจัยพื้นฐานแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย SOTP 16.10 บาท เพื่อรอการปรับโครงสร้างธุรกิจลดสัดส่วนถ่านหินลง และเน้นธุรกิจก๊าซฯ มากขึ้น เชิงกลยุทธ์ BPP เป็นทางเลือกที่น่าสนใจมากกว่า เนื่องจาก BANPU ยังถูกกดดันจากแนวโน้มอุตสาหกรรมถ่านหินในระยะกลาง-ยาวที่อ่อนแอ