JSP เปิด”แคร์ซูติก” รับวิจัย-ผลิต เครื่องสำอาง-อาหารเสริมคนและสัตว์มาตรฐานส่งออก ปฏิวัติวงการพ่อค้า-แม่ค้าออนไลน์ มีแบรนด์ตัวเองเริ่มต้นเพียง 1 แสนบาท

Industrial

บมจ. โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี คิคออฟเดินเครื่องผลิตโรงงานใหม่ “แคร์ซูติก” ” อินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ จุดพลุวงการแม่ค้าออนไลน์ วงการ MSMEs คึกคักอีกรอบ ด้วยไลน์ผลิตมาตรฐาน GMP ขนาดเล็กลง สำหรับผลิตภัณฑ์ เครื่องสำอาง อาหารเสริมสำหรับคน และอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยง-ปศุสัตว์ เพื่อตอบโจทย์กลุ่มแม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอล และกลุ่มผู้ประกอบการขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย ให้ก้าวสู่การเป็นเจ้าของแบรนด์ได้อย่างง่ายดายด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นเพียง 1 แสนบาท ดูแลผู้ประกอบการตั้งแต่การวิจัยและพัฒนาไปสู่การผลิตสินค้าจริง ล่าสุดผู้ประกอบการกว่า 20 ราย เข้าพูดคุยเพื่องานงานวิจัยแล้ว และเริ่มเดินเครื่องผลิตแล้วในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา สร้างการรับรู้รายได้ให้ JSP ทันที มั่นใจบริษัทใหม่สร้างเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจไทยได้มาก เหตุช่วยลดการนำเข้าที่มีราคาแพง โดยเฉพาะกลุ่มอาหารเสริมสำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้าน และปศุสัตว์

นายสิทธิชัย แดงประเสริฐ บริษัท โรงงานเภสัชอุตสาหกรรม เจเอสพี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ JSP ผู้ดำเนินธุรกิจพัฒนา ผลิตและจำหน่าย ยาแผนปัจจุบัน ยาแผนโบราณ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบครบวงจร เปิดเผยว่าล่าสุด JSP ได้เดินเครื่องผลิตในบริษัทลูกแห่งใหม่ ภายใต้ชื่อ “แคร์ซูติก” ถือหุ้นโดย JSP 100% ซึ่งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านอินโนเวชั่น เซ็นเตอร์ ที่มีทั้งศูนย์วิจัยและพัฒนา รวมถึงรับจ้างผลิต (OEM) ผลิตภัณฑ์ประเภทเครื่องสำอาง รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน และสำหรับสัตว์ ที่ครอบคลุมทั้งสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เช่น สุนัข และแมว และสัตว์ในการเลี้ยงสำหรับการทำปศุสัตว์ เช่น หมู ไก่ เป็นต้น เพื่อรองรับความต้องการของผู้ประกอบการกลุ่มขนาดกลางขนาดย่อมและรายย่อย (MSMEs ) แม่ค้าออนไลน์ เน็ตไอดอล รวมถึงบุคคลทั่วไปที่มีความสนใจและต้องการเป็นเจ้าของแบรนด์ด้วยตัวเอง ด้วยเงินลงทุนที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเริ่มต้นเพียง 1 แสนบาท

สำหรับบริษัทแคร์ซูติก เป็นบริษัทที่มีกระบวนการผลิตได้มาตรฐาน GMP มีกำลังการผลิตเล็กกว่าไลน์ผลิตของ JSP เพื่อจับกลุ่มผู้ประกอบการหน้าใหม่ที่ต้องการลองตลาด โดยไม่จำเป็นต้องทุ่มเงินลงทุนเข้ามาเป็นจำนวนมากในขั้นแรก ซึ่งการที่เรามีบริการ OEM ในขนาดที่กะทัดรัดลงนี้จะทำให้ผู้ประกอบการเหล่านี้ ไม่นำเงินทุนมาจมในการผลิตจำนวนมาก จึงสามารถนำเงินทุนที่เหลือไปทำการตลาด และพัฒนาบริการด้านอื่นๆได้ จะช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้เร็วขึ้น ซึ่งจากการสำรวจของ JSP พบว่าปัจจุบันเทรนด์ของตลาดอีคอมเมิร์ซเติบโตอย่างรวดเร็วถึงแม้ว่าสถานการณ์โควิดคลี่คลายแล้วแต่พฤติกรรมผู้บริโภคก็เปลี่ยนมาสู่ออนไลน์มากขึ้น โดยตลาดยังคาดการณ์ว่าในปีนี้มูลค่าของอีคอมเมิร์ซน่าจะเติบโตได้อีก 15-20% จากปัจจุบันที่มีอยู่กว่า 4 แสนล้านบาท และจะเติบโตต่อเนื่องทุกปี

จากสัญญาณการเติบโตนี้ทำให้ JSP ต้องการเข้ามาร่วมสร้างระบบนิเวศของธุรกิจอีคอมเมิร์ซไทยให้เติบโตได้อย่างมีคุณภาพและเป็นไปได้ง่ายขึ้น จึงได้ต่อยอดจุดแข็งที่เป็นผู้ให้บริการด้านการผลิตและจำหน่ายยาและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารมากว่า 70 ปี ส่งต่อให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ด้วยการแตกไลน์ผ่านบริษัทลูก ซึ่งล่าสุดมีผู้ประกอบการ MSMEs เข้ามาขอคำปรึกษาและอยู่ระหว่างการร่วมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์แล้วประมาณ 20 ราย โดยเครื่องจักรของ แคร์ซูติกมีความพร้อมเดินกำลังการผลิตได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/2566 และจะสร้างการรับรู้รายได้ให้กับ JSP ทันที

อย่างไรก็ดีในส่วนของบริการด้านวิจัยผลิตภัณฑ์นั้น หากผู้ประกอบการสนใจต้องเข้ามาพูดคุยแต่เนิ่นๆ เนื่องจากในขั้นตอนของการพัฒนาสินค้าแต่ละแบรนด์จะต้องผ่านขั้นตอนการวิจัยก่อนจะไปสู่ขั้นตอนการผลิตจริง ซึ่งในส่วนนี้จะใช้เวลาอย่างต่ำ 3 เดือน และจะต้องขอใบอนุญาตจากหน่วยงานกำกับดูและ เช่น อย. สำหรับเครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับคน รวมถึงขออนุญาตจากกรมปศุสัตว์สำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสำหรับสัตว์

สำหรับการเปิดให้บริการของ “แคร์ซูติก” ไม่เพียงแต่เป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้ประกอบการรายย่อยและผู้ประกอบการหน้าใหม่เท่านั้น แต่ยังช่วยลดการนำเข้า โดยในส่วนของแคร์ซูติก จะให้บริการทั้งผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสัตว์ทั้งประเภททั่วไป เช่น คอลลาเจน แคลเซียม น้ำมันปลา และอื่นๆ สำหรับสัตว์เลี้ยงภายในบ้าน เพื่อให้มีสุขภาพที่ดี มีขนที่เงางาม นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์สำหรับดูแลสัตว์ป่วย เช่น ฟ้าทะลายโจรสำหรับปศุสัตว์ไก่ เพื่อป้องกันไข้หวัดนก ขมิ้นชันสำหรับปศุสัตว์หมู เพื่อ ป้องกันเกี่ยวกับโรคทางเดินหายใจ เป็นต้น ซึ่งประเด็นผลิตภัณฑ์ออร์แกนิกส์สำหรับปศุสัตว์นี้ถือว่าได้รับความสนใจมากเพราะเป็นครั้งแรกที่จะนำสมุนไพรสำหรับสัตว์มาผลิตโดยโรงงานที่ได้มาตรฐานรองรับระดับสากล จากเดิมที่จะมีการใช้เฉพาะกิจการภายในของแต่ละกิจการเท่านั้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสสำหรับผู้ประกอบการปศุสัตว์ที่ต้องการนำสมุนไพรสำหรับสัตว์ที่ใช้ในกิจการภายใน ยกระดับสู่สินค้าเพื่อการพาณิชย์ได้อย่างดี