ลอรีอัล กรุ๊ป เผยโฉมสำนักงานแห่งใหม่สำหรับประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา ผสมผสานแรงบันดาลใจจากความงาม เทคโนโลยี และความยั่งยืน เพื่อรูปแบบการทำงานที่ยืดหยุ่น ร่วมสมัย สร้างความร่วมมือในองค์กร

Marketing

ลอรีอัล กรุ๊ป ในประเทศไทย เผยโฉมสำนักงานแห่งใหม่ล่าสุดสำหรับไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชา ณ อาคาร ปาร์ค สีลม ในชื่อ “บ้านโบเต้” (BAAN BEAUTE หรือ บ้านแห่งความงาม) ผสมผสานแรงบันดาลใจจากความงามและเทคโนโลยี ด้วยดีไซน์สวยงาม พรั่งพร้อมด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกไฮเทค เพื่อตอบสนองสไตล์การทำงานรูปแบบใหม่ ตอกย้ำความเป็นผู้นำด้านบิวตี้เทค และบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลก

นายแพทริค จีโร กรรมการผู้จัดการ ลอรีอัล ประเทศไทย เมียนมา ลาว และกัมพูชากล่าวถึงสำนักงานใหม่แห่งนี้ว่า “ยูจีน ชูแลร์ ผู้ก่อตั้งลอรีอัลได้กล่าวไว้ว่า บริษัทไม่ใช่กำแพงและเครื่องจักร แต่คือคน คน และคน ในฐานะบริษัทความงามอันดับหนึ่งของโลกอายุ 115 ปี เราตระหนักว่าพนักงานที่มากความสามารถคือหัวใจของความสำเร็จของเรา เราเชื่อว่าพื้นที่ในการทำงาน เป็นส่วนสำคัญในการสร้างแรงบันดาลใจ บ่มเพาะไอเดีย และความคิดสร้างสรรค์ของพนักงานลอรีอัล ทั้งยังเป็นกระจกสะท้อนวัฒนธรรมองค์กร คุณค่า และจิตวิญญาณความเป็นลอรีอัลอีกด้วยเช่นกัน

“บ้านโบเต้ หลอมรวมความหลงใหลในความงามของเราเข้ากับเทคโนโลยี โดยคำนึงถึงการตอบโจทย์ความต้องการของพนักงาน ที่ได้มีส่วนร่วมและนำเสนอความคิดเห็นในกระบวนการย้ายสำนักงาน เพื่อมาใช้ประกอบการออกแบบฟังก์ชัน การจัดสรรพื้นที่ และสิ่งอำนวยความสะดวก ทำให้สำนักงานแห่งนี้ตอบโจทย์การทำงานของพนักงานลอรีอัลยุคใหม่อย่างแท้จริง นอกจากนั้น เรายังคำนึงถึงประเด็นด้านความยั่งยืน ทั้งการใช้พลังงาน การจัดการขยะ และน้ำ ตามเป้าหมายด้านความยั่งยืนหรือ L’OREAL FOR THE FUTURE ของเรา การย้ายสำนักงานมายังบ้านโบเต้ช่วยให้เราสามารถมอบพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นเพียงสำนักงาน แต่ยังเป็นสถานที่สร้างแรงบันดาลใจและไอเดียในการสร้างความงามแห่งอนาคต ตามพันธกิจในการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลกของลอรีอัล กรุ๊ป”

“บ้านโบเต้” ตั้งอยู่บนชั้น 32, 33, 34 และ 35 ของอาคารปาร์ค สีลม (Park Silom) ใจกลางย่านธุรกิจและไลฟ์สไตล์ทันสมัย ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 5,000 ตารางเมตร ออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beauty Meets Technology” ด้วยแรงบันดาลใจจากสีสันสดใสของเมคอัพ โดยเฉพาะสีแดงของลิปสติก เส้นสายโค้งมน ให้ความรู้สึกสดชื่นเต็มไปด้วยพลัง แต่งเติมด้วยองค์ประกอบที่สะท้อนความหลงใหลในความงาม และพลังสร้างสรรค์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกไฮเทคเพื่อการทำงานที่ลื่นไหลเปี่ยมประสิทธิภาพ

พื้นที่ยืดหยุ่น หลากหลาย รองรับทุกสไตล์และความต้องการในการทำงาน
พื้นที่ทำงานในชั้น 33, 34 และ 35 ของบ้านโบเต้ เชื่อมต่อทีมงานทุกชั้นด้วยบันไดภายในตัวสำนักงาน ล้อมรอบด้วยกระจกที่สามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ ได้จากทุกมุม การออกแบบพื้นที่เปิดโล่งไม่มีการกั้นโต๊ะหรือแบ่งโซน กระตุ้นให้เกิดสนทนาแบ่งปันแลกเปลี่ยนความคิดทั้งภายในทีมและระหว่างทีมต่างๆ เพื่อต่อยอดไปสู่การร่วมงาน และสร้างความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน โดยพื้นที่ทำงานยังประกอบไปด้วยห้องต่างๆ หลากหลายรูปแบบกว่า 30 ห้อง รองรับการใช้งานที่หลากหลาย ตั้งแต่ “Bubble” หรือห้องประชุมหลากหลายขนาด สำหรับการประชุมพูดคุย 3-4 คน ไปจนถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ที่รองรับได้ 20 ที่นั่ง “Phone booth” สำหรับประชุมหรือพูดคุยทางโทรศัพท์แบบส่วนตัว ห้องประชุมมาพร้อมกับอุปกรณ์เชื่อมต่อไฮเทคและจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ โดยพนักงานสามารถจองผ่านทางระบบคอมพิวเตอร์หรือ Dashboard ด้านหน้าห้องประชุมได้ด้วยตนเอง

นอกจากนั้น บ้านโบเต้ยังมีพื้นที่ “Collaborative Space” ในมุมต่างๆ ทุกชั้น ซึ่งพนักงานสามารถมานั่งเปลี่ยนบรรยากาศ หรือพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดแบบไม่เป็นทางการได้อีกด้วยเช่นกัน ในส่วนของการฝึกอบรม ประชุมรวมในรูปแบบ Townhall หรือกิจกรรมพิเศษก็สามารถใช้พื้นที่ในส่วนของ Training Room หรือ La Cafete ได้

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน และความพิเศษที่คัดสรรมาเพื่อชาวลอรีอัล
ลอรีอัลมุ่งมั่นสร้างสภาพแวดล้อมในการทำงานที่สะดวกสบาย เพื่อสุขภาวะและคุณภาพชีวิตในสำนักงานที่ดีให้กับพนักงานทุกคน บ้านโบเต้มาพร้อมกับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกครบครัน แต่ตั้งเก้าอี้ทำงานเพื่อสุขภาพจาก Herman Miller โต๊ะปรับระดับความสูง จอมอนิเตอร์ เครื่องชงกาแฟแคปซูลและทำฟองนม เครื่องทำน้ำแข็ง เครื่องกรองน้ำในโซนทานอาหารทุกชั้น โดยไฮไลท์คือส่วนของ La Cafete หรือพื้นที่พักผ่อน รับประทานอาหาร และทำกิจกรรมสำหรับพนักงาน เชื่อมต่อกับ Sky Garden พื้นที่สีเขียวใจกลางเมืองที่สามารถไปนั่งพักผ่อน ชมวิวเพื่อผ่อนคลายได้ นอกจากนั้นยังมีร้านค้าสำหรับพนักงาน “La Boutique” จำหน่ายผลิตภัณฑ์ทั้ง 15 แบรนด์ในเครือ เพื่อให้ชาวลอรีอัลได้เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ชิ้นโปรดในราคาพิเศษ

นวัตกรรม ความยั่งยืน และพลังสร้างสรรค์ – จิตวิญญาณของลอรีอัล
“บ้านโบเต้” ออกแบบโดยคำนึงถึงความยั่งยืนเป็นหัวใจหลัก ตามพันธกิจ L’Oréal For The Future ด้วยการลดผลกระทบจากกิจกรรมการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่รวมถึงสำนักงาน ตั้งแต่ระบบส่องสว่างแบบอัตโนมัติที่จะปรับความสว่างของแสงไฟตามสภาพแสงธรรมชาติภายนอกเพื่อประหยัดพลังงาน ใบรับรองการใช้พลังงานหมุนเวียน และออกแบบตามหลักมาตรฐานอาคารสีเขียว เพื่อให้พนักงานได้ตระหนักถึงพันธกิจและการทำงานด้านความยั่งยืนและการสร้างสรรค์นวัตกรรมของลอรีอัล บ้านโบเต้จึงมีมุมและจุดต่างๆ สำหรับแสดงนวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ และการทำงานด้านความยั่งยืนของบริษัท ตั้งแต่จอ LED บริเวณทางเข้าและ La Cafete ที่จะผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนฉายวีดิโอเรื่องราวความสำเร็จของลอรีอัล ทั้งทางด้านธุรกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อม นอกจากนั้นยังมี L’Oréal For The Future Wall ตกแต่งด้วยมอสธรรมชาติพร้อมแท่นจัดแสดงผลิตภัณฑ์ที่มีบรรจุภัณฑ์เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมี Beauty Tech Station จัดวางนวัตกรรมบิวตี้เทคของลอรีอัล กรุ๊ป ทั้งอุปกรณ์และโปรแกรมวิเคราะห์สภาพผิวหนัง เส้นผม ไปจนถึงเครื่องผสมสีลิปสติกเฉพาะบุคคล “Rouge Sur Mesure” โดย YSL Beauty เป็นต้น

นอกจากนั้น เพื่อให้สำนักงานแห่งใหม่มีองค์ประกอบของศิลปะสมัยใหม่ ลอรีอัลได้ร่วมงานกับศิลปินงานคอลลาจและกราฟิกร่วมสมัยชื่อดัง นักรบ มูลมานัส ในการสร้างสรรค์ “Art Wall” ผสมผสานเรื่องราวการสร้างความงามที่ขับเคลื่อนโลก ประวัติความเป็นมาของลอรีอัล กรุ๊ป ความเป็นฝรั่งเศส และวัฒนธรรมไทย และความงาม

บ่มเพาะและต่อยอดนวัตกรรมและความคิดสร้างสรรค์เพื่อเส้นผม – L’Oréal Academy
ลอรีอัล ถือกำเนิดขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์เปลี่ยนสีผมที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ และไม่เคยหยุดพัฒนานวัตกรรมเพื่อเส้นผมเคียงข้างช่างผมมืออาชีพทั่วโลกตลอดระยะเวลา 115 ปีที่ผ่านมา “ลอรีอัล อคาเดมี” คือสถานที่แบ่งปันองค์ความรู้ แรงบันดาลใจ สไตล์ และเทคนิกเพื่อสร้างสรรค์สีสันและสุขภาพของเส้นผม ผ่านสองแบรนด์ในกลุ่มผลิตภัณฑ์ช่างผมมืออาชีพ ได้แก่ ลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล (L’Oréal Professionnel) และเคเรสตาส (Kérastase) บนพื้นที่ 262 ตารางเมตร จำลองรูปแบบซาลอนชั้นสูงในฝรั่งเศส หรูหราด้วยเก้าอี้สำหรับสระผมระดับไฮเอนด์ ติดตั้งนวัตกรรมหัวฝักบัวประหยัดน้ำ L’Oréal Water Saver เป็นที่แรกในประเทศไทย โดยเป็นฝักบัวที่่สามารถลดการใช้น้ำในการสระผมได้ถึง 69% โดยที่คงประสิทธิภาพการชำระล้างและความรู้สึกการสัมผัสน้ำที่ดี ที่ได้รับรางวัลสุดยอดนวัตกรรมจาก CES และ Time Magazine