อลิอันซ์ อยุธยา เปิด 10 มาตรการ ช่วยลูกค้าต่อเนื่องช่วงโควิด พร้อมจับมือทุกฝ่ายร่วมเดินหน้าไปด้วยกัน

Insurance

อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต ตอกย้ำผู้นำในธุรกิจประกันชีวิต ออกมาตรการต่อเนื่องกว่า 10 มาตรการ เพื่อช่วยเหลือลูกค้า พนักงาน ตัวแทน และประชาชนทั่วไป หวังเป็นอีกหนึ่งแรง ที่สนับสนุนสังคมไทยให้เดินหน้าฝ่าโควิดไปด้วยกัน

นางสาวพัชรา ทวีชัยวัฒนะ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบริหารงานลูกค้า บริษัท อลิอันซ์ อยุธยา ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตั้งแต่เกิดสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่ปีที่แล้ว บริษัทได้ดูแลผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอย่างเต็มที่ ทั้งลูกค้า ตัวแทน พนักงาน และสังคมโดยรวม จนถึงปัจจุบัน บริษัทออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้าแล้วกว่า 10 มาตรการ ไม่ว่าจะเป็นเสริมความคุ้มครองโควิด-19 รอบด้านสำหรับลูกค้า อาทิ การให้ความคุ้มครอง กรณีลูกค้าติดเชื้อและเข้ารับการรักษาเป็นผู้ป่วยใน ซึ่งครอบคลุมการรักษาทั้งในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม และหอผู้ป่วยเฉพาะกิจ (hospitel) ความคุ้มครองการตรวจหาเชื้อโควิด-19 สำหรับลูกค้าที่มีอาการผิดปกติ เช่น ไอ จาม เจ็บคอ มีไข้สูง กว่า 37.5 องศา เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก และแพทย์มีการวินิจฉัยว่ามีความจำเป็นต้องดำเนินการตรวจ เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการให้การรักษาพยาบาลตามความจำเป็นทางการแพทย์ การช่วยประสานงานและให้คำปรึกษาการเข้ารับการรักษา กรณีที่ลูกค้า ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นโควิด-19 โดยบริษัทฯ ได้สร้างไลน์กรุ๊ปไว้สำหรับให้ทางตัวแทนสามารถประสานงานกับทางโรงพยาบาลเครือข่ายได้โดยตรง นอกจากนั้นยังมีการจัดตั้งทีม Health Care Covid Center เพื่อประสานงานกับโรงพยาบาลในเครือ เพื่อให้คำแนะนำตัวแทน ให้สามารถให้ความช่วยเหลือลูกค้าได้อย่างเต็มที่ การคุ้มครองค่าฉีดวัคซีนโควิด-19 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแผนประกันสุขภาพที่ลูกค้ามีอยู่ และมีการระบุผลประโยชน์ค่าวัคซีน คุ้มครองกรณีมีอาการแพ้จากการฉีดวัคซีน สำหรับลูกค้าที่มีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ ภายหลังจากฉีดวัคซีนแล้ว ไม่เกิน 60 วัน โดยมีอาการแพ้ หรือ ได้รับผลกระทบข้างเคียง และมีความจำเป็นทางการแพทย์ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหรือคลินิก ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. – 31 ธ.ค. 2564 และเป็นวัคซีนที่ได้รับการรับรองจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ของประเทศไทย เท่านั้น การลดระยะเวลารอคอยให้ลูกค้าได้รับความคุ้มครองเร็วขึ้น กรณีที่ลูกค้ามีการซื้อสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพฉบับใหม่ โดย ลดระยะเวลารอคอยการเข้ารับการรักษาด้วยโรคโควิด-19 จาก 30 วันเป็น 14 วัน และสามารถใช้บริการเคลมแบบที่ลูกค้าไม่ต้องสำรองจ่ายออกไปก่อน (แฟกซ์เคลม) จากเดิม ที่จะใช้สิทธิ์ได้ต้องรอ 90 วัน ลดเหลือเพียง 30 วันก็สามารถเคลมแบบไม่ต้องสำรองจ่ายได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความพร้อมของรพ.คู่สัญญา และ เงื่อนไขกรมธรรม์ด้วย

นอกจากนั้น ยังได้มีการปรับบริการสู่รูปแบบออนไลน์ ดูแลทั้งสุขภาพกาย และ ใจ ผ่านเทคโนโลยี ควบคู่ไปกับการออกมาตรการที่เข้ามาช่วยดูแลลูกค้ากรณีที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 แล้ว ทางบริษัทฯได้มีการปรับการให้บริการให้กับลูกค้าสู่ช่องทางออนไลน์แบบเต็มรูปแบบมากขึ้น อาทิ แอพพลิเคชั่น My Allianz ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการตลอด 24 ชั่วโมง อาทิ การบริหารจัดการกรมธรรม์ เปลี่ยนชื่อที่อยู่ เช็คความคุ้มครองตามกรมธรรม์ที่มีอยู่ การเคลมออนไลน์ที่ให้ลูกค้าสามารถส่งเอกสารผ่านช่องทางนี้โดยไม่ต้องส่งเอกสารที่เป็นกระดาษเข้ามา การขอกู้เงินตามกรมธรรม์ การบริการ Telemedicine บริการพิเศษเฉพาะ ลูกค้าอลิอันซ์ อยุธยา ที่มีประวัติการรักษาต่อเนื่อง ด้วย โรคหัวใจ, โรคความดันโลหิต, โรคไต, โรคเบาหวาน ในรพ. 28 แห่งที่ร่วมโครงการ สามารถนัดพบเเพทย์ได้โดยไม่ต้องไปที่โรงพยาบาล โดยลูกค้าที่มีความคุ้มครองแบบผู้ป่วยนอก OPD ของอลิอันซ์ อยุธยา สามารถใช้บริการ OPD cashless ได้ โดยอยู่ภายใต้เงื่อนไขกรมธรรม์ การบริการผู้ป่วยนอกร่วมกับรพ. สมิติเวช ผ่าน TELEMEDICINE – SAMITIVEJ VIRTUAL HOSPITAL โดยไม่ต้องสำรองจ่าย สำหรับลูกค้าที่มีสัญญาเพิ่มเติมคุ้มครองสุขภาพ ผู้ป่วยนอก (OPD) และสัญญายังมีผลบังคับอยู่ สามารถเบิกค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกได้ตามจริง เพื่ออำนวยความสะดวกในการพบแพทย์ผ่านวิดีโอคอล ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการมาโรงพยาบาลและการเดินทาง การเพิ่มบริการ Healthy Living Talk บนแพลตฟอร์มออนไลน์ Healthy Living โดยเพิ่มเฉพาะเรื่องโควิด 19 ให้สมาชิกสามารถทำนัดเพื่อพูดคุยทางโทรศัพท์เรื่องโควิด 19 กับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญได้โดยตรง เสริมจากบริการ Telemedicine ที่เรามีอยู่ นอกจากนั้น ยังมีแคมเปญพิเศษ แจกโค้ดส่วนลดสำหรับการช้อปปิ้งออนไลน์ให้กับลูกค้า เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่กับบ้าน

นอกจากลูกค้าแล้ว บริษัทฯ ยังให้ความสำคัญกับการดูแลพนักงานและฝ่ายขายอย่างเต็มที่ โดยเราคำนึงถึงความสะดวกของการทำงานและการดูแลสุขภาพเป็นสำคัญ เรามีนโยบายให้ 90% ของพนักงานทำงานจากที่บ้าน (Work From Home) ปรับกิจกรรมต่างๆ อาทิ การประชุม ฝึกอบรม เป็นแบบออนไลน์ทั้งหมด ทั้งยังมีการจัดตั้งทีม COVID-19 taskforce เพื่อดูแลให้ข้อมูลและคำปรึกษาด้านสุขภาพให้กับพนักงานกว่า 1,200 คน และควบคุมไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดในบริษัทฯ

“ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใด อลิอันซ์ อยุธยา มุ่งมั่นในการสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ดี ด้วยเป้าหมายหลักในการสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับลูกค้า ทั้งในด้านบริการและผลิตภัณฑ์ เราจึงเดินหน้าเต็มที่ แสดงให้ลูกค้าเห็นว่าเราใส่ใจและห่วงใยลูกค้าของเราเสมอ อีกทั้งในสถานการณ์เช่นนี้ เราพร้อมจะเป็นอีกแรงขับเคลื่อนของสังคมไทย ที่จะจับมือทุกฝ่ายก้าวผ่านสถานการณ์ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน” นางสาวพัชรา กล่าวทิ้งท้าย