“realme 11 Pro Series 5G” เปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ ครั้งแรกของโลก! พลังกล้อง OIS SuperZoom 200 ล้านพิกเซล ผสานแฟชั่นจากอดีตดีไซเนอร์สิ่งพิมพ์จาก GUCCI สู่สมาร์ทโฟนแฟชั่นสุดไฮเอนด์ ราคาเริ่มต้นเพียง 12,999 บาท

IT & Start Up

realme (เรียลมี) แบรนด์สมาร์ตโฟนเพื่อคนรุ่นใหม่ที่เติบโตเร็วที่สุดในโลก เปิดตัว “realme 11 Pro Series 5G” สมาร์ตโฟนที่ทุกคนรอคอยในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ภายใต้คอนเซ็ปต์ ซูมเหนือระดับ (Zoom To The Next Level) เปิดโอกาสให้ผู้ใช้งานได้ออกเดินทางและใช้ realme 11 Pro Series 5G ซูมเพื่อสัมผัสกับความงดงามที่ซ่อนอยู่ในสถานที่ต่าง ๆ โดยงานเปิดตัวจัดอย่างยิ่งใหญ่ ณ แลนด์มาร์คที่สื่อถึงการเดินทางได้อย่างสมบูรณ์แบบอย่างหัวลำโพง งานนี้นำทัพมาด้วยใหม่ ดาวิกา โฮร์เน่ แบรนด์แอมบาสเดอร์เรียลมีประเทศไทย ที่ได้มาเปิดประสบการณ์การใช้งานสมาร์ตโฟนซีรีส์ใหม่นี้อย่างโดดเด่น โดยในงานได้เปิดตัว 2 รุ่น ได้แก่ realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์เด่นมากมาย อาทิเช่น ในรุ่น realme 11 Pro+ 5G มาพร้อมกับนวัตกรรมกล้อง OIS SuperZoom มอบความละเอียด 200 ล้านพิกเซล พร้อมประสิทธิภาพการซูม 4 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียดครั้งแรกของโลก รวมถึงระบบชาร์จเร็ว 100W SUPERVOOC ที่ตอบโจทย์ไลฟ์ไตล์ยุคใหม่ได้อย่างยอดเยี่ยม และยังมีฟีเจอร์อื่น ๆที่อัดแน่นมาให้ทั้ง 2 รุ่น ไม่ว่าจะเป็นดีไซน์ที่หรูหราโดดเด่นจากผลงานการคอลแลปกับอดีตนักออกแบบสิ่งพิมพ์ชั้นนำแห่ง Gucci หรือจอแสดงผลเกรดพรีเมียม Curved Vision Display มอบประสบการ์การรับชมด้วยหน้าจอโค้ง 2160 Hz PWM ช่วยลดแสงความถี่ระดับสูงพิเศษพร้อมการป้องกันดวงตาระดับสูง โดย “realme 11 Pro Series 5G” วางจำหน่ายในไทยครบทั้ง 2 รุ่น ในราคาเริ่มต้นที่ 12,999 บาท โดยกำหนดพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน เป็นต้นไป (รับชมวิดีโอเพิ่มเติมได้ที่ https://www.facebook.com/realmeTH/videos/274259805287160)

นวัตกรรมกล้องพลังซูม 200MP มอบระดับการซูม 4 เท่าโดยไม่เสียรายละเอียด

realme ต้องการมอบพลังแห่งการถ่ายภาพระดับมือโปรมาสู่มือคุณ ทำให้ใน realme 11 Pro+ 5G มาพร้อมนวัตกรรมกล้องหลัก OIS SuperZoom 200MP และรุ่น realme 11 Pro 5G มาพร้อมกล้อง OIS Prolight 100MP รองรับเอาต์พุตโดยตรง 100MP ทำให้แต่ละพิกเซลมีส่วนร่วมในการถ่ายภาพ ทำให้ได้ภาพถ่ายที่ชัดเจนที่สุด เพื่อถ่ายภาพความละเอียดเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ สำหรับ realme 11 Pro+ 5G ยังมาพร้อมประสิทธิภาพกล้องซูม 4 เท่าโดยไม่สูญเสียรายละเอียดครั้งแรกของโลก โดยเทคโนโลยีอันก้าวกระโดดนี้ ทางเรียลมีได้จับมือร่วมกับ Samsung พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีการถ่ายภาพ ISOCELL HP3 SuperZoom Sensor ซึ่งถือเป็นฮาร์ดแวร์กล้องที่ดีที่สุดในเซ็กเมนต์ โดยรวมเซ็นเซอร์ขนาดใหญ่ถึง 1/1.4 นิ้ว พร้อมรูรับแสงขนาดใหญ่พิเศษ F/1.69 เข้ากับการรองรับเอาต์พุตโดยตรง 200 ล้านพิกเซล เพื่อให้แต่ละพิกเซลสามารถรับแสงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและให้ภาพที่สวยงามคมชัดมากที่สุด นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีการซูมอัตโนมัติรุ่นแรกของอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน เพียงแค่คลิกที่วัตถุที่ต้องการ สมาร์ตโฟนจะทำการซูมให้โดยอัตโนมัติ ช่วยให้คุณสามารถจัดองค์ประกอบภาพที่สวยงามได้ง่ายขึ้น พร้อมระบบป้องกันการสั่นไหว SuperOIS จึงมั่นใจได้ถึงความคมชัดแม้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวในที่แสงน้อย

นอกจากนี้ ทั้ง 2 รุ่นยังมาพร้อมฟีเจอร์และโหมดถ่ายภาพอีกมากมายให้คุณเลือกใช้ได้ในทุกสถานการณ์ ทั้ง Super NightScape, Super Group Portrait และ 2x Portrait แต่พิเศษสำหรับรุ่น realme 11 Pro+ 5G ที่จะมีฟีเจอร์การถ่ายรูปเพิ่มเติมอย่าง Moon mode, Handheld starry sky mode ให้คุณเป็นช่างภาพมืออาชีพได้อย่างง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องใช้ขาตั้งกล้อง

และเพื่อตอกย้ำว่า realme 11 Pro Series 5G เป็นสมาร์ตโฟนที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง จึงได้ยกระดับการถ่ายภาพโดยเรียลมีได้ร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ Lonely Planet นิตยสารคู่มือสำหรับนักเดินทางชื่อดัง โดยสามารถแต่งภาพด้วยลายน้ำจาก Lonely Planet และฟิลเตอร์หลากรูปแบบ (Cinematic, Crisp และ Tranquil) สร้างสรรค์ภาพถ่ายตามจินตนาการได้อย่างง่ายดายในขั้นตอนเดียว นอกจากนี้ กล้องถ่ายภาพของทั้ง 2 รุ่นยังใช้สถาปัตยกรรม HyperShot Imaging 2.0 ช่วยเพิ่มคุณภาพของภาพถ่ายทั้งในเรื่องความคมชัดและสีสัน ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกับโหมดการถ่ายภาพเจนใหม่อย่าง Street Photography Mode 4.0 จะทำให้คุณสนุกกับการถ่ายภาพในทุก ๆ ไลฟ์สไตล์

ในส่วนของกล้องหน้าเซลฟี realme 11 Pro 5G ใช้กล้อง 16MP Sony Selfie Camera ส่วน realme 11 Pro+ 5G ให้คุณถ่ายเซลฟีด้วยกล้องหน้าความละเอียดสูง 32MP Sony Selfie Camera โดยทั้งสองรุ่นใช้เลนส์มุมกว้าง 90° โดยเมื่อถ่ายเซลฟี่แนวนอนจะทำการขยายช่วงเลนส์ให้โดยอัตโนมัติเพื่อเก็บภาพทิวทัศน์ด้านหลังได้มากขึ้น พร้อมอัลกอริทึม AI รุ่นอัปเกรดใหม่ ที่ช่วยเกลี่ยสีผิวให้สม่ำเสมอสวยงาม และให้โทนสีที่เหมือนผิวจริงแบบไม่หลอกตา

นำเสนอดีไซน์สุดหรูสู่โลกสมาร์ตโฟน

realme Design Studio™ ทีมดีไซเนอร์อิสระของบริษัทที่เปี่ยมด้วยทักษะการออกแบบขั้นสูง ได้ร่วมมือกับ Matteo Menotto อดีตนักออกแบบลายพิมพ์และสิ่งทอแห่ง GUCCI เพื่อนำเสนอดีไซน์ระดับไฮเอนด์ของแบรนด์หรูชั้นนำสู่อุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน โดยเลือกใช้วัสดุ Premium Lychee Vegan Leather หนังวีแกนเกรดพรีเมียมลายลิ้นจี่ที่ให้สัมผัสเหมือนหนังแท้ด้วยผิวสัมผัสที่หรูหราและสามารถป้องกันรอยเปื้อนต่าง ๆ ได้เป็นอย่างดี มอบความแตกต่างจากสมาร์ตโฟนแบบเดิม ๆ ที่เป็นพลาสติกหรือกระจก ช่วยให้ผู้ใช้งานได้รับความสวยงามจากดีไซน์สุดหรูควบคู่กับความสะดวกสบายในการใช้งานอย่างลงตัว พร้อมผสานกรรมวิธีการเย็บแบบ 3 มิติเพื่อสร้างเอฟเฟ็กต์ที่สวยงามสมจริงมากขึ้น ผสมกับการนำสิ่งทอ 3D Woven Texture ซึ่งใช้กันอย่างแพร่หลายในวงการแฟชั่นมาใช้เป็นครั้งแรกในอุตสาหกรรมสมาร์ตโฟน

realme 11 Pro Series 5G นำเสนอ 2 โทนสีหลักได้แก่ Sunrise Beige และ Oasis Green โดยโทนสีทอง Sunrise Beige นำแรงบันดาลใจมาจากแสงอาทิตย์ยามเช้าที่สาดส่องปกคลุมกลุ่มสถาปัตยกรรมคลาสสิกในเมืองมิลาน จะเกิดประกายอันอ่อนโยนอาบไล้ไปทั่วทั้งเมือง ส่วนโทนสีเขียว Oasis Green มอบภาพลักษณ์ที่สวยหรูแนวสุขุม ชวนให้นึกถึงโทนการตกแต่งแนวคลาสสิกสไตล์ยุโรปที่ดูภูมิฐานสง่างามอย่างมีระดับ นอกจากนี้ ยังนำเสนอโทนสีดำ Astral Black สำหรับผู้ที่ชื่นชอบดีไซน์ดีไซน์สมัยใหม่ แต่ยังต้องการความเรียบง่ายด้วยวัสดุฝาหลังที่คุ้นเคย

แบตเตอรี่ใหญ่ 5000mAh พร้อมระบบชาร์จไว 100W SUPERVOOC Charge

ในแง่ของแบตเตอรี่ realme 11 Pro+ 5G ยังมาพร้อมระบบชาร์จ 100W SUPERVOOC Charge ครั้งแรกในเซกเมนต์ สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ในเวลาเพียง 26 นาที มั่นใจได้ถึงความปลอดภัยด้วยมาตรฐานการป้องกัน 38 ชั้น ซึ่งช่วยลดความร้อนของอุปกรณ์ได้มากกว่า 85% ส่วนรุ่น realme 11 Pro 5G ให้ระบบชาร์จเร็ว 67W SUPERVOOC Charge ชาร์จแบตเตอรี่เต็ม 100% ใน 47 นาที พร้อมระบบความปลอดภัยในมาตรฐานเดียวกัน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 รุ่นก็มอบแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ถึง 5000mAh ตอบโจทย์การใช้งานได้อย่างยาวนาน โดยสามารถรองรับการโทร 29 ชม. ฟังเพลงเกิน 20 ชม. ชมวิดีโอ 18 ชม. เล่นเกมนานกว่า 8 ชม. และยังสแตนด์บายแบบปกติได้เกิน 400 ชม.

สัมผัสสุดยอดประสบการณ์ภาพและเสียงขั้นสุด
ทั้ง realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G ใช้หน้าจอแสดงผลขอบโค้ง Curved Vision Display ที่มีอัตราการรีเฟรชสูงสุด 120Hz ขนาด 6.7 นิ้ว สัดส่วนหน้าจอ 93.65% พร้อมกับกระบวนการ COP Ultra ระดับเรือธง ทำให้ขอบด้านล่างของทั้ง 2 รุ่นบางเพียง 2.33 มม. ความถี่ในการหรี่แสงสูงถึง 2160Hz PWM สามารถรักษาความถูกต้องของสีในที่มืดและแก้ปัญหาการสั่นไหวภายใต้ความสว่างต่ำ ทั้งยังเป็นครั้งแรกของโลกกับการปรับความสว่างอัตโนมัติได้ 20,000 ระดับ โดยจอแสดงผลใน realme 11 Pro Series 5G ผ่านการรับรองการป้องกันดวงตาสองชั้นโดยสถาบัน TÜV Rheinland จึงมอบประสบการณ์การมองที่สบายตาและถนอมดวงตาให้กับผู้ใช้งานได้สูงสุด

นอกจากนี้หน้าจอแสดงผลยังมีความไวในการตอบสนองการสัมผัสแบบ Turbocharged Touch Sampling ที่ 1260Hz ซึ่งนอกจากจะเสริมประสิทธิภาพการใช้งานทั่วไป การตอบสนองบนหน้าจอ ที่ไวกว่า ยังเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยชนะและแซงหน้าเหนือคู่แข่งในเกม

และเพื่อเติมเต็มทั้งประสบการณ์ภาพและเสียงให้สมบูรณ์แบบ ยังติดตั้งลำโพงคู่ Dolby Atmos พร้อม Hi Res Two-factor Authentication จึงมอบเอ็ฟเฟ็กต์เสียงที่ชัดใสได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งในการรับชมภาพยนตร์หรือฟังเพลงโปรดของคุณ

ขุมพลังซีพียูเทียบประสิทธิภาพระดับแฟล็กชิป

realme 11 Pro+ 5G และ realme 11 Pro 5G ติดตั้งขุมพลังชิปเซ็ต Dimensity 7050 5G ซึ่งใช้สถาปัตยกรรมระดับเรือธง 8 คอร์ 64 บิต (2 ARM® Cortex-A78 @2.6GHz และ 6 ARM® Cortex-A55 @2.0GHz) ความถี่หลักของ CPU สูงถึง 2.6GHz ด้วยกระบวนการขั้นสูง 6 นาโนเมตรของ TSMC และการใช้พลังงานต่ำเป็นพิเศษ จึงรับประกันได้ว่าคุณจะใช้งานแอปพลิเคชันทั่วไปและเล่นเกม ได้อย่างราบรื่นไม่มีกระตุกเมื่อปรับเฟรมเรตที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังเสริมประสิทธิภาพการรับสัญญาณ อินเตอร์เน็ตด้วย Antenna Array Matrix 2.0 ที่ช่วยปรับปรุงความแรงของสัญญาณ และลดเวลาแฝงผ่านเครือข่าย e-game อัจฉริยะและเทคโนโลยีเสาอากาศอัจฉริยะ DAT

ทั้งนี้ เรียลมียังมุ่งมั่นที่จะสร้างสรรค์แคมเปญต่างๆ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำที่ไม่เพียงเฉพาะ เทคโนโลยีเท่านั้นแต่ยังรวมไปถึงการเป็นผู้นำในการผลักดันให้ผู้ใช้งานทุกท่านได้สัมผัสกับประสบการณ์
ใหม่ เพื่อพบกับความงดงามที่แท้จริงและก้าวกระโดดไปสู่สิ่งใหม่ที่แตกต่างอย่างสมบูรณ์

ราคาและการจำหน่าย
realme 11 Pro+ 5G

realme 11 Pro+ 5G นำเสนอรุ่นความจุ 12/512GB โทนสี Sunrise Beige และ Oasis Green ในราคา 16,999 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคมผ่านช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสามารถสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท พิเศษสำหรับช่วงพรีออเดอร์รับของแถมฟรี! มูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละ ช่องทาง หรือสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเจ้าของได้ผ่านช่องทาง Lazada โดยหากพรีออเดอร์ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคมจะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มไปอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 15,999 บาทเท่านั้น)

realme 11 Pro 5G

realme 11 Pro 5G นำเสนอรุ่นความจุ 8/256GB โทนสี Sunrise Beige และ Astral Black ในราคา 12,999 บาท โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 30 มิถุนายน – 6 กรกฏาคม สำหรับช่องทาง realme Brand Shop และตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ โดยสามารถสั่งจองได้ในราคาเพียง 500 บาท พิเศษสำหรับช่วงพรีออเดอร์รับของแถมฟรี มูลค่า 9,999 บาท และรับส่วนลดเพิ่มเติมตามแต่ละช่องทาง หรือสามารถเป็นเจ้าของได้พร้อมกันตั้งแต่วันที่ 7 กรกฏาคมเป็นต้นไป รับฟรี realme Gift Box มูลค่า 1,999 บาท นอกจากนี้ยังสามารถเป็นเจ้าของได้ก่อนใครผ่านช่องทาง Shopee ที่เดียว โดยสามารถพรีออเดอร์ได้ตั้งแต่วันที่ 29 มิถุนายน – 6 กรกฏาคมจะได้รับคูปองส่วนลดเพิ่มไปอีก 1,000 บาท (เหลือเพียง 11,999 บาทเท่านั้น)